VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ในปี 2024

ในปัจจุบัน โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการทำธุรกรรม จากการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากสิ่งนี้ยังถือเป็นเรื่องใหม่อย่างมากและยังคงมีช่องว่างให้ผู้ที่ไม่หวังดีคอยหาผลประโยชน์จากช่องว่างทำความปลอดภัยอยู่เสมอ ทำให้ VPN จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับการปกป้องข้อมูลและวิศวกรรมทางการเงินบนโลกออนไลน์ โดย VPN หรือ Virtual Private Network เป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเทรด crypto  จากการเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของผู้ใช้งาน  ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความยากให้กับบุคคลที่ 3 ที่ต้องการขโมยข้อมูลของคุณ อีกทั้งสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายที่ถูกจำกัดในพื้นที่ประเทศของตนได้ และเปิดเสรีภาพในการเข้าถึงการทำธุรกรรมได้มากขึ้น จากความสำคัญของ VPN ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ทำให้การเลือกใช้งานผู้ให้บริการ VPN ที่ดีนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับนักลงทุนในโลกคริปโต เพื่อให้มั่นใจว่าทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์ของคุณจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ โดยในบทความนี้ เราจึงได้ยกนำเอา 10 ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ในปี 2024 จากจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป มาให้ได้พิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

รีวิว 10 อันดับ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ในปี 2024

1. NordVPN — VPN ตัวจบ ที่เหมาะสำหรับการเทรดคริปโตมากที่สุด ด้วยความเร็วระดับต้นๆในตลาด

NordVPN เรียกได้ว่าเป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดคริปโต ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแง่ของการใช้งานทั่วโลก ด้วยจุดเด่นด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นฟีเจออร์สำหรับตรวจสอบ Dark Web, บริการ Dedicated IP หรือ Meshnet ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของแพลตฟอร์ม เพื่อมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน

โดยในด้านความปลอดภัย NordVPN ได้มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่น NordLynx protocol และ RAM-only servers นอกจากนี้ยังมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าจะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่กว่า 6,400 เครื่องใน 111 ประเทศ ทำให้มันสามารถรองรับการเข้าถึงเนื้อหาทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในแง่ของการใช้งาน NordVPN สามารถรักษาความเร็วในการเชื่อมต่อได้ดีเยี่ยม โดยพบว่ามีความเร็วลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากใช้งาน VPN ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการท่องเว็บ สตรีมวิดีโอ หรือดาวน์โหลดไฟล์ได้อย่างราบรื่น และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ NordVPN เป็นตัวเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto อันดับต้นๆสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์ 

ไปยัง NordVPN

2. SurfsharkVPN —  VPN ราคาเป็นมิตร ที่สามารถใช้งานได้บนหลายอุปกรณ์

SurfsharkVPN เป็นหนึ่งในผู้นำด้าน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ที่โดดเด่นจากประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในด้านราคาที่ทึกคนสามารถเข้าถึงได้ จากบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมและสามารถเชื่อมต่ออย่างไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ทำให้ SurfsharkVPN กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน

โดยในด้านความปลอดภัย SurfsharkVPN ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสระดับสูงและโปรโตคอล WireGuard พร้อมกับมีฟีเจอร์อย่าง Camouflage mode และ MultiHop ที่จะช่วยให้ผู็ใช้งานสามารถปกปิดการตรวจจับ VPN และเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นจากการเชื่ิอมต่อเซิร์ฟเวอร์หลายแห่ง ทั้งนี้ SurfsharkVPN ได้รับการยอมรับและตรวจสอบนโยบายการไม่เก็บบันทึกข้อมูลจาก Deloitte ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบชื่อดัง

โดยในด้านของประสิทธิภาพการใช้งาน SurfsharkVPN สามารถรักษาความเป็นในการดาวน์โหลดและอัปโหลดได้เกือบ 80% ของความเร็วปกติ ซึ่งทำให้มันเป็น VPN ที่มีความเร็วเป็นอันดับต้นๆของตลาด อีกทั้งยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้มันสามารถรองกับการใช้งานที่หลากหลายและปลดล็อกการเข้าถึงเนื้อหาจากข้อกำหนดภายในพื้นที่ต่างๆได้อย่างดี

ไปยัง Surfshark

3. ExpressVPN — VPN ชั้นนำสำหรับซื้อขายคริปโต โดดเด่นเรื่องความปลอดภัย

ExpressVPN เป็นอีก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto จากจุดเด่นในด้านการเชื่อมต่อและความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือผ่านฟีเจอร์ขั้นสูงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Kill Switch, split tunneling หรือ Threat Manager ทีช่วยป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานออนไลน์ อีกทั้งมี MediaStreamer ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสตรีมเนื้อหาได้บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN

นอกจากนี้ ExpressVPN ยังมีโปรโตคอลที่พัฒนาขึ้นมาเองอย่าง Lightway ซึ่งใช้การเข้ารหัส AES-256 ทำให้ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานโปรโตคอลยอดนิยมอย่าง WireGuard เหมือนผู้ให้บริการรายอื่น แต่ ExpressVPN ก็ยังสามารถรักษาความเร็วได้ในระดับที่น่าประทับใจ ด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุม 105 ประเทศ ทำให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย

โดยถึงแม้ในแง่ของความเร็ว ExpressVPN จะสามารถรักษาความเร็วได้เพียง 50% จากความเร็วเดิม แต่อย่างไรมันก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานออนไลน์ โดยเฉพาะการเล่นเกมและการสตรีมมิ่ง แถมยังมีนโยบายทดลองใช้งานฟรีถึง 7 วันบนอุปกรณ์มือถือ และยังรองรับการชำระเงินผ่านคริปโตโดยสกุลเงินอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Ripple

ไปยัง ExpressVPN

4. Pure VPN — VPN ราคาประหยัด ที่มีเซิร์ฟเวอร์รองรับกว่า 6,000 แห่งทั่วโลก

Pure VPN เป็นอีกหนึ่ง VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ด้วยเป้าหมายในการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นอก่ผู้ใช้งาน อีกทั้งยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญที่ครอบคลุมถึง 65 ประเทศทั่วโลก ที่พร้อมให้บริการ IP Address มากกว่า 300,000 Address และรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันสูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ ทั้ง PC, Mac, สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ Android TV และ Amazon Firestick

โดย Pure VPN มีจุดแข็งที่โดดเด่นในด้านฟีเจอร์การเชื่อมต่อแบบ Peer-to-Peer (P2P) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนไฟล๋หากันได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยการใช้ IP ที่เข้ารหัสแบบ AES 256-bit ทำให้มันสามารถปกป้องตัวตนของผู้ใช้งานจากการตรวจสอบการใช้ VPN จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงในพื้นที่ได้อย่างดี อีกทั้งยังมรฟรเจอร์ด้านความปลอดภัยชั้นนำอย่าง ระบบป้องกัน DNS และ IP, Internet Kill Switch (IKS) รวมถึงมีนโยบายไม่เก็บบัญทึกข้อมูล

ทั้งนี้ในด้านประสิทธิภาพ PureVPN มีเซิร์ฟเวอร์ 20Gbps ในหลายตำแหน่งทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งรองรับเทคโนโลยี 5G และความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิก ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งาน การสตรีมมิ่ง, การใช้งาน Torrenting หรือการปลดล็อกข้อจำกัดในการเข้าถึงเนื้อหา และด้วยจุดเด่นในด้านเครือข่ายที่กว้างขวางและฟีเจอร์ต่างๆ ทำให้ PureVPN จึงเป็นผู้ให้บริการที่เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกระดับ

ไปยัง Pure VPN

5. TotalVPN — VPN ระดับต้นๆ ที่ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่

TotalVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย Crypto ที่โดดเด่นจากการผสมผสานบริการ VPN เข้ากับการป้องกันไวรัส ที่ให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์การท่องเว็บที่ปลอดภัยและราบรื่นของผู้ใช้งาน ผ่านฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์การตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์, ป้องกันมัลแวร์และฟิชชิ่ง ไปจนถึงฟีเจอร์ WebShield ที่จะช่วยบล็อก URL ที่น่าสงสัยหากผู้ใช้งานเผลอเข้าไปยังเว็บที่มีความเสี่ยงสูง และยังมีฟีเจอร์ Smart Scan และ System Tune-up ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน

สำหรับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว TotalVPN ทำงานผ่านโปรโตคอล OpenVPN และ IKEv2 โดยถึงแม้จะไม่รองรับโปรโตคอลยอดนิยมมีอ่าง WireGuard แต่ก็สามารถรับประกันความปลอดภัยได้จากการใช้งานการเข้ารหัสแบบ AES-256 แถมยังมีฟีเจอร์ Kill switch และนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล ที่รับประกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อย่างดี

ทั้งนี้ถึงแม้ในด้านความเร็ว TotalVPN อาจไม่ได้โดดเด่นเท่ากับผู้ให้บริการรายอื่น แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปรวมถึงการสตรีมวิดีโอระดับ HD ได้อย่างราบรื่น และด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นมิตร จึงทำให้มันเป็น VPN ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการป้องกันความปลอดภัยแบบครบวงจรและใช้งานง่าย 

ไปยัง TotalVPN

6. Ivacy — VPN ที่เหมาะสำหรับใช้งานในระยะยาว โดยรองรับการใช้งานได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์

Ivacy ถูกรู้จักในฐานะผู้ให้บริการ VPN ที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน VPN ในระยะยาว ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครอบคลุมอย่าง split tunneling ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการใช้งาน VPN บนแอพต่างๆ อีกทั้งยังมีระบบ Secure Download ที่ช่วยตรวจจับมัลแวร์แบบเรียลไทม์ และฟังก์ชัน Multi-port ที่การเชื่อมต่อในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังมีเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับแต่งมาเพื่อใช้งานสตรีมมิ่งและการดาวน์โหลดที่ปลอดภัยโดยเฉพาะ

สำหรับในด้านความปลอดภัยและความดันส่วนตัว Ivacy รองรับการใช้งานโปรโตคอล WireGuard ควบคู่ไปกับการเข้ารหัส AES 256-bit อีกทั้งยังมีระบบป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 และ DNS ที่ช่วยเก็บรักษาตัวตนของผู้ใช้งาน และถึงแม้ Ivacy จะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ แต่ทำแพลตฟอร์มก็มีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล เพื่อทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนจะไม่ตกจะอยู่ในหน่วยงานใดอย่างเด็ดขาด

และด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมกว่า 5,700 เครื่องใน 65 ประเทศ ทำให้ผู้ใช้งาน Ivacy สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากหลากหลายประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงประเทศจีน ทั้งนี้ในด้านประสิทธิภาพของ Ivacy นั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งและพื้นที่ของผู้ใช้งาน โดยในบางพื้นที่ผู้ใช้งานอาจพบความเร็วที่ลดลงกว่าปกติมาก แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เป็นมิตรในแพคเกจระยะยาว จึงทำให้ Ivacy ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆของผู้ใช้งานทั่วไป ที่ต้องการความปลอดภัยระหว่างการท่องโลกออนไลน์ในราคาประหยัด

ไปยัง Ivacy

7. IPVanish — VPN ที่เหมาะสำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ

IPVanish เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่โดเด่นในด้านการใช้งานบนสมาร์ทโฟนโดยไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่จะเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานเข้า VPN อัตโนมัติทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง หรือฟีเจอร์ On-Demand ที่จะเปิดใช้งาน VPN ให้ทุกครั้งที่มีการเข้าไปยังเว็บไซต์ที่สุ่มเสี่ยง อีกทั้งยังรองรับ Siri Shortcuts สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS และยังมีฟังก์ชัน Split tunneling กับ Obfuscation ที่ช่วยลบหลีดการตรวจจับ VPN

ทั้งนี้ในด้านความปลอดภัย IPVanish มีการรองรับโปรโตคอลยอดนิยมอย่าง WireGuard พร้อมกับการเข้ารหัสแบบ AES-256 และถึงแม้มันจะเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือของ Five Eyes ในสหรัฐ แต่ IPVanish ก็มีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ อีกทั้งด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมกว่า 2,200 เครื่องใน 75 ประเทศ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านความเร็ว IPVanish สามารถรักษาความเร็วได้ถึง 75-82% จากความเร็วพื้นฐาน ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่าอย่างมากสำหรับกลุ่มเพื่อน ครอบครัวหรือบุคคลที่มีการสมาร์ทโฟนเป็นหลัก และต้องการเสริมความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ที่ใช้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนในทุกแพคเกจการใช้งาน

ไปยัง IPVanish

8. Privado — VPN ฟรีที่สนับสนุนการเทรดคริปโต ได้อย่า่งยอดเยี่ยม

เรียกได้ว่า Privado เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย Crypto ที่มีชื่อเสียงในด้านการใช้งานที่ง่ายและเป็นมิตรกับผู้เริ่มใช้งาน จากอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายในทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS, iOS หรือ Android ที่มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญอย่าง การเลือกใช้งานเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติ, ระบบ split tunneling, และ Control Tower ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่ เทรด Crypto ด้วย VPN ได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามออนไลน์

ทั้งนี้ในด้านความปลอดภัย Privado มีการใช้งานระบบเข้ารหัสแบบ AES-256 พร้อมรองรับโปรโตคอลที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง WireGuard ซึ่งเป็นโปรโตคอลยอดนิยมในตลาด นอกจากนี้ตัวบริษัท Privado ยังตั้งอยู่ในประประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด แถมยังมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ

ถึงแม้ ในด้านการครอบคลุม Privado จะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์น้อยกว่าผู้ให้บริการรายอื่น แต่ก็มากพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และสามารถปลดล็อคแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งส่วนใหญ่ได้อย่างดี อีกทั้งยังมีการการนำเสนอแพ็คเกจใช้งานฟรีด้วยข้อจำกัดที่สมเหตุสมผล และนโยบายการคืนเงินภายใน 30 วัน จึงทำให้มันเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน

PrivadoVPN มี 3 แพ็คเกจ ให้ผู้ใช้งานให้เลือกใช้กัน ได้แก่

ไปยัง Privado

9. Cyberghost — VPN ที่มาพร้อม IP Address แบบเฉพาะ

CyberGhost เป็นอีกแพลตฟอร์ม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย Crypto จากฟีเจอร์ที่โดดเด่นในด้านความปลอดภัยอย่าง Kill switch, ระบบบล็อกโฆษณา และ IP Address ที่สามารถกำหนดได้เอง และยังมีฟีเจอร์ Smart Rules สำหรับปรับแต่ง VPN ได้ตามความต้องการส่วนบุคคล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ CyberGhost เป็นผู้ให้บริการที่มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับผู้ต้องการปรับแต่ง VPN ที่ใช้งาน

ในด้านความปลอดภัย CyberGhost ใช้ระบบการเข้ารหัสแบบ AES-256 และรองรับโปรโตคอลที่หลากหลายโดยเฉพาะ Wireguard ที่ทันสมัย รวมถึงการใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only ครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่ได้รับการรองรับจากหน่วยงาน Third-Party จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ทั้งนี้ในแง่ของความเร็ว CyberGhost สามารถรักษาความเร็วได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถรักษาความเร็วได้ถึง 80%-90% จากความเร็วเติม สำหรับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในระยะใกล้ ในขณะที่ความลดอาจลดลงหากมีการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ไกลกว่าปกติ นอกจากนี้ CyberGhost ยังถือเป็นผู้ให้บริการที่โดดเด่นในด้านราคาที่จับต้องได้ และแผนรับประกันเงินคืนที่ครอบคลุมถึง 45 วัน 

ไปยัง Cyberghost

10. PrivateVPN — VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto ที่ราคาไม่แพง และมาพร้อมพร้อมประสิทธิภาพความเร็วสูง

PrivateVPN เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดคริปโต อีกหนึ่งแห่ง ที่มีจุดเด่นในด้านความโปร่งใสและประสิทธิภาพการป้องกันข้อมูลของผู้ใช้งาน จากสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ที่ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าจะได้รับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดทุกครั้งเวลาท่องโลกออนไลน์

โดยนอกจากจุดเด่นด้านความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว PrivateVPN ได้ใช้ระบบการเข้ารหัสแบบ AES-256 และรองรับโปรโตคอลหลากหลาย รวมถึง WireGuard อีกทั้งยังมีฟีเจอร์อย่าง Kill switch และ Stealth VPN ที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในขณะท่องโลกออนไลน์

PrivateVPN ยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุม 63 ประเทศ ที่ช่วยปลดล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มนำสตรีมมิ่งชั้นนำเช่น Netflix และ BBC iPlayer ได้อย่างดีสำหรับประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึง อีกทั้งยังเสนอเทคโนโลยี HQN ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงความเร็วได้สูงสุดถึง 300 Mbps โดยไม่มีผลกระทบกับการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทำให้มันเหมาะอย่างมากสำหรับเป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดคริปโต สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปหรือในระดับองค์กร

ไปยัง PrivateVPN

VPN คืออะไร?

VPN เป็นเทคโนโลยีสำหรับสร้างการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบเข้ารหัส โดยมันทำหน้าที่คล้ายกับอุโมงค์ที่เชื่อมต่อผู้ใช้งานกับอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันข้อมูลของผู้ใช้งานจากการถูกสอนงานหรือการโจรกรรมจากผู้ไม่หวังดี หรือแม้แต่จากหน่วยงานรัฐบาล ด้วยการสับเปลี่ยน IP Address ที่แท้จริงของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างๆที่ถูกจำกัดภายในประเทศได้อย่างเสรี

ทำไมเราถึงต้องใช้ VPN ในการเทรด Crypto

การซื้อขาย Crypto ด้วย VPN มีความสำคัญอย่างมากสะหรับนักเทรดมืออาชีพ เนื่องจากมันช่วยป้องกันการขโมยข้อมูลระหว่างการทำธุรกรรไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่านหรือข้อมูลการเข้าสู่ระบบกระดานเทรด แถมยังช่วยปกปิดตัวตนของผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ผ่านการสับเปลี่ยน IP Address ที่แท้จริง นอกจากนี้ VPN ยังมีประโยชน์ในด้านการเปิดโอกาสให้นักเทรดสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายที่อาจถูกจำกัดในประเทศของตน และเปิดโอกาสการลงทุนที่กว้างขึ้น

วิธีการเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Crypto

ถึงแม้ว่าการเลือก VPN ที่เหมาะสมกับตัวผู้ใช้งานเองนั้นถือเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล เนื่องจากแต่ละคนก็มีพฤติกรรมการใช้งานและการเทรดที่ไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องจำเป็นที่ผู้ใช้งาน VPN ทุกคนจะต้องเลือกใช้ผู้ให้บริการ VPN โดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานสำคัญทั้ง 6 ด้าน ดังนี้: 

1. ความปลอดภัย: ควรเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่นำเสนอการเข้ารหัสระดับสูง เช่น AES 128 หรือ 256 bit เป็นอย่างต่ำ และควรมีฟีเจอร์ Kill Switch ที่จะปิดการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งเมื่อการเชื่อมต่อหรือการ ซื้อขาย Crypto ด้วย VPN มีปัญหา
2. ประสิทธิภาพ: ควรเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่มีความเร็วสูงและเสถียรมากพอในการใช้งานบนแพลตฟอร์มเทรด และควรมีเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็วและไม่ติดขัด
3. การรองรับอุปกรณ์: ในการเทรดคริปโตด้วย VPN ควรเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, มือถือ หรืออื่นๆ เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเทรดได้อย่างปลอดภัยทุกที่ทุกเวลา
4.  มีฟีเจอร์พิเศษสำหรับคริปโต: ผู้ให้บริการ VPN บางแห่ง จะมีฟีเจอร์พิเศษสำหรับการใช้งานด้านการเทรดคริปโตโดยเฉพาะ หรืออาจรองรับการจ่ายค่าบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัลหยาบ Bitcoin ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนที่คือครองสกุลเงินดิจิทัลเป็นหลัก
5. ความน่าเชื่อถือ: นักลงทุนควรเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่มีความน่าเชื่อถือ โดยสังเกตได้จากระยะเวลาในการให้บริการนับตั้งแต่วันที่ก่อตั้ง รวมถึงตรวจสอบข่าวการถูกโจมตีของผู้ให้บริการนั้นๆ เพื่อแน่ใจว่าการเทรดคริปโตด้วย VPN ของคุณนั้นปลอดภัยที่สุด

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดคริปโตด้วย VPN

การซื้อขาย Crypto ด้วย VPN ทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล

ข้อดี:

1. เพิ่มความปลอดภัย: VPN สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว และทำให้ข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ของผู้ใช้งานยากต่อการถูกโจรกรรม
2. รักษาความเป็นส่วนตัว: VPN สามารถช่วยปกปิด IP Address ของผู้ใช้งาน เพื่อลดโอกาสในการเข้าถึงและขโมยข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ  
3. ข้อจำกัดการเข้าถึง: VPN ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายที่ถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึง จากข้อบังคับของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้รับโอกาสในการลงทุนที่กว้างขวางมากขึ้น รวมถึงสามารถดำเนินการธุรกรรมได้ทุกที่โดยไม่มีปัญหา
4. การใช้งาน WIFI ที่ปลอดภัยมากขึ้น: VPN ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน ในกรณีที่มีการใช้ WIFI ที่เป็นสาธารณะ ซึ่งมักเป็นต้นเหตุหลักในการถูกโจมตีทางไซเบอร์

ข้อเสีย:

1. ความเร็วเน็ตที่ลดลง: เนื่องจาก VPN ทำงานโดยการเข้ารหัสและส่งผ่านข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ จึงทำให้ความเร็วอินเตอร์เน็ตของผู้ใช้งานอาจลดลงทั้งในการอัพโหลดและดาวน์โหลด
2. มีโอกาสถูกบล็อก IP: ในบางกรณี ที่ IP Address ของผู้ให้บริการ VPN อาจถูกบล็อคโดยเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มในบางแห่ง จนทำให้ไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้งานได้
3. มีค่าใช้จ่าย: ผู้ให้บริการ VPN ที่มีความปลอดภัยสูงและน่าเชื่อถือ มักจะมาพร้อมกับค่าบริการ ซึ่งอาจเป็นต้นทุนที่นัดเทรดจะต้องรวมเข้าไปในการลงทุน
4. ความซับซ้อน: แพลตฟอร์ VPN อาจมีความซับซ้อนในการใช้งานและตั้งค่า ซึ่งอาจดูยุ่งยากสำหรับผู้ที่ไม่มีความคุ้นเคยกับการใช้งานด้านนี้มาก่อน
5. ข้อจำกัดทางกฎหมาย: ในบางประเทศ การใช้งาน VPN อาจผิดกฎหมายหรือมีข้อจำกัด ซึ่งนักลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจถึงข้อจำกัดการใช้งานในแต่ละพื้นที่ที่คุณอยู่

สรุป

การซื้อขาย Crypto ด้วย VPN จะทำให้คุณมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยการเทรดคริปโตด้วย VPN ช่วยป้องกันการถูกติดตามกิจกรรมโลกออนไลน์ซึ่งรวมถึงการทำธุรกรรมคริปโตและการเทรดของคุณจากผู้ไม่หวังดี รวมถึงยังช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับตลาดแลกเปลี่ยนต่างๆได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนของตนเองได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการ เทรด Crypto ด้วย VPN คือการเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือ และจากการสำรวจผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือทั้งหมด 10 ลำดับของเรา พบว่า NordVPN หรือเป็นผู้ให้บริการที่ดีที่สุดโดยรวม ด้วยเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 6,000 แห่งทั่วโลก และความสามารถในการรักษาความเร็วเริ่มต้นได้ดี โดยมีค่าบริการเริ่มต้นเพียง 3.09 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย